การขอสินเชื่อบ้านกรุงไทย ปี 2567
สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยหรือสินเชื่อซื้อบ้านของธนาคารกรุงไทยในปีนี้ถือว่าเป็นปีทองเหมาะสำหรับการซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัยเพราะถึงแม้เศรษฐกิจจะย่ำแย่เพียงใดแต่ก็ยังมีข้อดีอยู่บ้างเพราะดอกเบี้ยบ้านกรุงไทยในปีนี้อยู่ในอัตราที่ต่ำมาก ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้านกรุงไทยข้าราชการ หรือจะเป็นสินเชื่อบ้านกรุงไทยสุขใจถ้วนหน้าซึ่งจะมีอัตราดอกเบี้ยบ้าน 2567 อยู่ที่ปีละ 0.75% เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นอัตรดอกเบี้ยที่ต่ำมาก ดังนั้นใครที่กำลังคิดจะกู้เงินซื้อบ้านใหม่ในปีนี้ ต้องไม่พลาดสินเชื่อบ้านกรุงไทยอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้หากคุณขอสินเชื่อบ้านกรุงไทย คุณจะสามารถยื่นกู้วงเงินสูงสุด 100% ของราคาประเมินและยังให้ผ่อนจ่ายได้นานสูงสุดถึง 40 ปีเต็ม
หากคุณไม่แน่ใจว่าจะยื่นกู้สินเชื่อบ้านกรุงไทยได้กี่บาท คุณสามารถเข้าไปคํานวณสินเชื่อบ้านกรุงไทย/คํานวณผ่อนบ้านกรุงไทยได้ที่เว็บไซต์ https://krungthai.com/th/personal/loan/housing-loan/ โดยการกรอกรายละเอียดส่วนตัว เช่น รายได้ในแต่ละเดือน / ภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบแต่ละเดือน / ระยะเวลาที่ต้องการผ่อนชำระ เพียงเท่านี้คุณก็จะทราบคร่าวๆ ว่าคุณจะได้รับวงเงินกู้เท่าไหร่
ขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อบ้านกรุงไทย ปี 2024
หากสนใจกู้สินเชื่อบ้านกรุงไทยก็สามารถยื่นเรื่องลงทะเบียน ออนไลน์ ที่หน้าเว็บไซต์ ธนาคารกรุงไทย ได้เลย หลังจากยื่นเรื่องสมัครสินเชื่อบ้านกรุงไทย จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาเพื่อนัดคุยรายละเอียดเพิ่มเติมตามเวลาที่ลูกค้าสะดวก หลังจากพูดคุยตกลงกันได้แล้วทางลูกค้าจะต้องยื่นเอกสารขอกู้เงินซึ่งโดยส่วนใหญ่ทางโครงการบ้านจะมีการประสานงานในส่วนนี้ให้ลูกค้าอยู่แล้ว ขั้นตอนต่อมาธนาคารจะพิจารณาว่าจะอนุมัติสินเชื่อให้หรือไม่ หรือให้เท่าไหร่ โดยดูจากเอกสารการยื่นกู้และการสำรวจประเมินราคาบ้าน และจะแจ้งผลให้ผู้ขอสินเชื่อรับทราบอีกครั้ง หากได้รับการอนุมัติธนาคารจะมีการนัดหมายทำสัญญาเงินกู้และสัญญาจดจำนองที่สำนักงานที่ดินในเขตที่โฉนดที่ดินที่ผู้กู้ได้จดทะเบียนไว้โดยในขั้นตอนนี้ผู้กู้จะต้องเตรียมเงินสดไว้เพื่อชำระค่าจดจำนอง ค่าเบี้ยประกันภัย ค่าธรรมเนียมการโอน ซึ่งรายจ่ายโดยรวมมักจะมีค่าประมาณ 3-5% ของราคาประเมิน
ขั้นตอนการผ่อนสินเชื่อบ้านกรุงไทยให้หมดเร็ว
โดยปกติสินเชื่อบ้านกรุงไทยจะคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก นั่นหมายความว่ายิ่งคุณผ่อนชำระรายเดือนมากเท่าไหร่ ภาระหนี้สินก็จะหมดเร็วขึ้นเท่านั้น เพราะการโปะชำระจะทำให้เงินต้นลดลง เมื่อเงินต้นลดลงดอกเบี้ยบ้านก็ลดตามไปด้วย ในการโปะชำระหนี้ไม่จำเป็นต้องโปะจนตัวเองเดือดร้อน ขอเพียงโปะประมาณ 10% ของอัตราที่ต้องชำระรายเดือน โดยโปะอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ เดือน เพียงเท่านี้หนี้บ้านก็จะหมดเร็วขึ้นประมาณ 10 ปีและจะสามารถประหยัดเงินในส่วนของดอกเบี้ยบ้านที่จะต้องเสียเป็นหลักล้านบาทเลยทีเดียว
